ฝีเกิดจากอะไร เมื่อเป็นแล้ว รักษาได้ด้วยวิธีไหน

ฝีเกิดจากอะไร เมื่อเป็นแล้ว รักษาได้ด้วยวิธีไหน

ฝี (Abscess) คือ ตุ่มหนองอักเสบ มีกลิ่นเหม็น เมื่อเป็นฝีผู้ป่วยจะมีความเจ็บปวดและทรมานมาก ฝีสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย และฝี สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกส่วนของร่างกาย หากเป็นฝีภายนอกจะไม่อันตรายเท่ากับเป็นฝีภายใน โดยฝีเกิดจากอะไร และจะมีวิธีรักษาด้วยวิธีไหนเป็นคำถามที่มีมานาน ดังนั้นวันนี้เราจะมาตอบให้คุณได้รู้กัน เอาเป็นว่าไปดูกันเลย

ฝีเกิดจากอะไร มาดูสาเหตุ

ฝี เกิดขึ้นได้จากเชื้อโรคหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่พบได้มากและบ่อยที่สุดก็คือเกิดจากแบคทีเรียกลุ่มสแตฟีโลค็อกคัสนั่นเอง นอกจากนี้ยังเกิดจากการติดเชื้อต่างๆ เช่น การถูกเข็มทิ่ม โดนกระสุนยิง เศษวัสดุทิ่มตำ และอาจติดต่อได้จากการสัมผัสผู้ป่วยที่เป็นฝีโดยตรง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวภายในร่างกายนั้น ผู้ป่วยมักมีภาวะแทรกซ้อนและพัฒนาการป่วยจากอาการอื่นๆ อย่างเช่น การติดเชื้อภายในอวัยวะต่างๆ เช่น ไส้ติ่งอักเสบและแตกภายในช่องท้อง ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียกระจายไปยังอวัยวะร่างกายส่วนต่างๆ ภายในช่องท้องจนอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดฝีภายในได้นั่นเอง ซึ่งฝีภายในจะอันตรายมาก เพราะเรามองไม่เห็นและไม่รู้ว่าเป็น ต้องตรวจโดยแพทย์เท่านั้นจึงจะรู้ได้

สำหรับผู้ป่วยที่มีโอกาสเป็นฝีได้มากกว่าปกติก็จะอยู่ในกลุ่ม ผู้ป่วยเบาหวาน เพราะมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจะเป็นตัวกระตุ้นทำให้เอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฝี ผู้ป่วยที่รับประทานยาสเตียรอยด์เป็นประจำ เพราะยาชนิดนี้จะไปกดภูมิคุ้มกันที่คอยต่อต้านเชื้อโรค ผู้ป่วยที่ขาดสารอาหาร โลหิตจาง และมีภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำ จึงทำให้เกิดติดเชื้อโรคง่ายกว่าคนปกติได้ ดังนั้นใครที่รู้ตัวว่าป่วยก็ควรดูแลตัวเองให้ดี และหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ

วิธีการรักษาฝี

การรักษาฝีมีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ การรักษาด้วยสมุนไพร และการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะถ้าผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงมากก็สามารถรักษาได้ด้วยตนเองด้วยวิธีเบื้องต้น แต่ถ้ามีอาการที่รุนแรงเป็นในจุดที่สำคัญหรือเป็นฝีจากภายในควรได้รับการรักษาโดยแพทย์เฉพาะทางเพราะอาจจะเป็นอันตรายได้ ซึ่งการเป็นฝีภายในเราอาจมองไม่เห็น ต้องคอยสังเกตความผิดปกติของร่างกาย และไปพบแพทย์เพื่อตรวจทันที เพื่อจะได้ทราบว่าเป็นฝีภายในหรือไม่

การรักษาด้วยวิธีสมุนไพร

ตามองค์ความรู้ดั้งเดิมที่เคยรักษามาตั้งแต่โบราณส่วนมากจะใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษาฝีที่เกิดขึ้นภายนอก(แต่ก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของความสะอาดเพราะอาจจะทำให้ยิ่งติดเชื้อได้) โดยสมุนไพรในการรักษาฝีก็จะมีดังนี้

  • ใช้ขมิ้นชันรักษาโดยการใช้เหง้าขมิ้นสดนำมาฝนกับน้ำต้มสุกและใช้ผงขมิ้นโรยตามบริเวณที่เป็นฝี เมื่อทำบ่อยๆ จะทำให้ฝีค่อยๆ ยุบลงและหายเป็นปกติในที่สุด
  • การใช้ขมิ้นอ้อย โดยการใช้เหง้าขมิ้นอ้อยสด ต้นและเมล็ดของเหงือกปลาหมอ มาบดผสมกันแล้วทาพอกไว้บริเวณที่เป็นฝีนั่นเอง แต่สมุนไพรเหล่านี้อาจจะหายากสักนิด
  • ต้อยติ่ง โดยการนำฝักแก่นำมาแกะเอาเม็ดออก ใช้ประมาณ 1 หยิบมือวางลงบนฝ่ามือแล้วหยดน้ำลงให้พอแฉะเมื่อพองออกและจับกันเหนียวให้นำมาแปะบริเวณที่เป็นฝี แล้วคอยเติมน้ำอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้แห้ง ทั้งนี้จะต้องเปลี่ยนใหม่ ทุกวันด้วย

รักษาโดยแพทย์แผนปัจจุบัน

หากผู้ป่วยมีอาการที่รุนแรงควรรีบไปพบหมอเพื่อทำการรักษา โดยแพทย์จะทำการรักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะเพื่อทำการฆ่าเชื้อ และให้ทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการปวด หรืออาจทำการผ่าตัดเพื่อถ่ายหนองออก ทั้งนี้การรักษาโดยแพทย์จะขึ้นกับความรุนแรงของฝีแต่ละชนิดด้วย แพทย์จะใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาและตัดสินใจว่าจะทำการรักษาด้วยวิธีไหนนั่นเอง

วิธีการป้องกันฝี

หากไม่อยากเป็นโรคฝีหนองสามารถป้องกันโดยการลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคโดยสามารถป้องกันด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • รักษาความสะอาดของผิวกายอยู่เสมอ โดยการอาบน้ำฟอกสบู่อย่างน้อยวันละ 2 ครั้งและหมั่นล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันเชื้อโรค โดยควรใช้สบู่ที่มีส่วนช่วยในการกำจัดเชื้อแบคทีเรียได้ดี อย่างเช่น สบู่สมุนไพรต่างๆ
  • รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายต่อสู้กับโรคต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่เป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะลดโอกาสการเป็นฝีลง และลดความเสี่ยงการเจ็บป่วยด้วยโรคอื่นๆ ได้อีกด้วย
  • ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับคนอื่น หรือกับคนที่เป็นฝีอยู่แล้ว เพราะจะทำให้ติดต่อมาสู่กันได้ ซึ่งบางทีเราไม่รู้ว่าใครเป็นฝีอยู่บ้าง การระวังไว้ก่อนจึงย่อมดีกว่า
  • รักษาควบคุมโรคเรื้อรังหรือโรคประจำตัวโดยการทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นฝีได้มากขึ้น

ฝีสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย ถ้าไม่อยากเป็นฝีควรหมั่นรักษาความสะอาดทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์อยู่เสมอด้วยการออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์เพราะเมื่อร่างกายแข็งแรงก็จะเป็นภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับโรคต่างๆ ได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคฝีลงได้แล้ว