ติ่งเนื้อบนร่างกาย กำจัดได้ไม่ยากด้วย 7 วิธีนี้

ติ่งเนื้อบนร่างกาย กำจัดได้ไม่ยากด้วย 7 วิธีนี้

ติ่งเนื้อ เป็นก้อนเนื้อเล็กที่มักจะเกิดตามที่ต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งแต่ละคนที่ประสบพบเจอปัญหานี้จะมีสีและขนาดของติ่งเนื้อที่แตกต่างกันออกไป  แต่ส่วนมากมักจะเกิดตามคอ รักแร้ หรือบริเวณผิวหนังที่ย่นเป็นส่วนใหญ่ และอาจจะทำให้ระคายเคืองได้ ซึ่งใครที่อยากจะกำจัดติ่งเนื้อตามร่างกายออกไปก็ทำได้ไม่ยาก ด้วย 7 วิธีที่เราจะมาแนะนำในวันนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายและสามารถทำได้ด้วยตนเอง จะมีวิธีอะไรบ้างนั้น ไปติดตามกันได้เลย

1.น้ำแอปเปิลไซเดอร์

น้ำแอปเปิลไซเดอร์ที่เรารู้จักนั้น จะเป็นน้ำส้มสายชูที่ทำมาจากแอปเปิล สามารถใช้ปรุงรสอาหารได้ทั่วไป และไม่มีโทษเหมือนน้ำมะนาวปลอม ซึ่งน้ำแอปเปิลไซเดอร์นั้นมีประโยชน์และสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะช่วยลดความอ้วน รักษาโรคได้หลายอย่าง รวมไปถึงการกำจัดติ่งเนื้อตามร่างกายได้อีกด้วย วิธีทำก็แสนง่ายด้วยการทำความสะอาดผิวบริเวณที่เกิดติ่งเนื้อ แล้วเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ และใช้สำลีชุบน้ำแอปเปิลไซเดอร์ป้ายที่ติ่งเนื้อ วันละ 2-3 ครั้งทำอย่างต่อเนื่องติ่งเนื้อก็จะหลุดไปเอง

2.กระเทียม

ถือเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณและประโยชน์ที่ขาดไม่ได้ในครัวเรือน กระเทียมนั้นช่วยป้องกันโรคได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดัน ช่วยขับลม นอกจากนี้กระเทียมยังสามารถกำจัดติ่งเนื้อได้อีกด้วย เพียงแค่นำกระเทียม มาบดและแปะไว้บริเวณที่เกิดติ่งเนื้อ ใช้พลาสเตอร์ปิดทับ แล้วล้างออก ทำต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 3 วัน เพียงเท่านี้ก็ถอนรากถอนโคนติ่งเนื้อจนหมดเกลี้ยง

3.ทีทรีออยล์

ทีทรีออยล์ ถือว่าเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ซึ่งทีทรีออยล์นั้นสามารถช่วยรักษาการอักเสบต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามผิวหนัง ที่มีสรรพคุณในการรักษาสิวอักเสบ แบคทีเรีย ปัญหารังแคบนศีรษะ สมานแผล และรักษาเชื้อราได้ดี รวมไปถึงการกำจัดติ่งเนื้อ ซึ่งทุกคนสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงนำสำลีชุบน้ำ แล้วหยด ทีทรีออยล์สัก 2-3 หยด จากนั้นเช็ดบริเวณติ่งเนื้อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือทำต่อเนื่องประมาณ 1 สัปดาห์ ติ่งเนื้อก็จะหลุดออกได้อย่างง่ายดาย

4.น้ำมะนาว

เชื่อว่าหลายๆ คนชอบกินน้ำมะนาวเป็นประจำ เพราะถ้าดื่มน้ำอุ่นกับมะนาวนั้นจะส่งผลดีต่อสุขภาพ  ช่วยเพิ่มความชุ่มชื่น และช่วยล้างสารพิษไปในตัว เพราะในมะนาวมีสารอาหารต่างๆ มากมายที่มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนัก ดับกลิ่นปาก และทุกคนที่เจอปัญหาติ่งเนื้อขึ้นตามร่างกายก็สามารถคั้นน้ำมะนาวสดๆ นำสำลีมาจุ่ม แล้วทาบริเวณที่เกิดติ่งเนื้อ ทำเป็นประจำสม่ำเสมอ ติ่งเนื้อก็จะค่อยๆ หลุดไปเอง ถือเป็นของใช้ในครัวเรือนใกล้ตัวที่สามารถทำประโยชน์ได้สารพัดจริงๆ

5.น้ำสับปะรด

น้ำสับปะรดที่หลายๆ คนชอบดื่มนั้น อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และใยอาหาร นอกจากจะอร่อยแล้วยังมีสรรพคุณในการรักษาหรือป้องกันโรคต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากๆ และที่สำคัญสับปะรดยังมีประโยชน์แทบจะทุกส่วนไม่ว่าจะเป็นใบ เปลือก หรือส่วนแกนก็ตาม นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ขับปัสสาวะ รักษาความดันโลหิต อาหารบวมน้ำ และการรักษาติ่งเนื้อ ที่เป็นวิธีและทางเลือกหนึ่งที่สามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่นำสับปะรดมาคั้นน้ำ ใช้สำลีชุบแล้วทาบริเวณที่เกิดติ่งเนื้อ ควรทำทุกวันอย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง หรือจนกว่าติ่งเนื้อจะหลุดออก ทั้งนี้การใช้น้ำสับปะรดทาติ่งเนื้อเวลาในการหลุดอาจจะแตกต่างกัน และขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน

6.น้ำมันละหุ่งกับเบกกิ้งโซดา

น้ำมันละหุ่ง คือน้ำมันพืชที่สกัดจากเมล็ดละหุ่ง ซึ่งส่วนมากจะพบเห็นได้ในแอฟริกาและเอเชียเสียมากกว่า ซึ่งน้ำมันละหุ่งนั้นจะมีสรรพคุณหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยาระบาย รักษาบาดแผล ช่วยทำให้แผลให้เร็ว นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสุขภาพผิว และลดการเกิดสิวได้อีกด้วย แต่สำหรับใครที่มีปัญหาติ่งเนื้อขึ้นตามร่างกาย น้ำมันละหุ่งก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีในการรักษาติ่งเนื้อ เพียงแค่นำน้ำมันละหุ่งมาผสมกับเบกกิ้งโซดาในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 คนจะกลายเป็นเนื้อครีม หลังจากนั้นใช้สำลีชุบแล้วทาบริเวณติ่งเนื้อ ปล่องค้างคืนไว้ แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำอุ่น ซึ่งวิธีนี้ต้องทำติดต่อกัน 1-2 อาทิตย์

7.ขิง

ขิงถือเป็นสมุนไพรคู่ครัวเรือนมาอย่างยาวนาน นอกจากจะใช้ทำอาหาร หรือนิยมนำไปต้มดื่มอุ่นๆ ก็ยังมีสรรพคุณมากมายที่ส่งผลดีต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นระบบย่อยอาหาร แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรค ลดความอ้วน แถมยังลดการอักเสบได้อีกด้วย และที่สำคัญช่วยรักษาติ่งเนื้อได้ดีทีเดียว ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ เพียงใช้ขิงแก่ฝานบางๆ ถูตรงติ่งเนื้อแล้วค่อยล้างออก ทำต่อเนื่องสัก 2 อาทิตย์รับรองเห็นผลอย่างแน่นอน

ดูดไขมัน เป็นยังไงกันบ้างกับ 7 วิธีที่กำจัดติ่งเนื้อได้ง่ายๆ ซึ่งแต่ละวิธีที่เราแนะนำไปนั้นทุกคนสามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยการหาของที่มีอยู่ในครัวเรือน หรือ สามารถหาซื้อได้ง่าย มาใช้ประโยชน์ รับรองว่าแต่ละวิธีได้ผลจริง