ยาละลายเสมหะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

ยาละลายเสมหะมีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง ใช้อย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

เสมหะเป็นปัญหากวนใจและอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงอันตรายต่อสุขภาพ เพราะเสมหะมีสาเหตุมาจากเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ที่เข้าไปทำความระคายเคืองให้กับหลอดลม รวมถึงมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ เช่น กรดไหลย้อน, ภูมิแพ้ และอาการอักเสบเรื้องรังในลำคอ โดยเสมหะนั้นจะทำให้เกิดอาการไอและยังมีโอกาสอุดกั้นทางเดินหายใจที่อาจจะทำให้เกิดอาการติดเชื้อตามมาได้ ดังนั้นการใช้ยาละลายเสมหะเป็นตัวช่วย จึงมีส่วนในการบรรเทาอาการดังกล่าวได้มาก

ยาละลายเสมหะ คืออะไร

ยาละลายเสมหะ เป็นยาที่มีคุณสมบัติในการลดความเหนียวข้นของเสมหะ เพื่อให้ร่างกายสามารถขับออกมาได้ง่ายขึ้น ซึ่งกลไกการออกฤทธิ์ของยาดังกล่าวจะทำหน้าที่ในการทำลายการเกาะกันของโปรตีนในเสมหะ ทำให้ความเหนียวข้นลดลง เสมหะจึงมีความใสมากขึ้น ลดความเหนียวลงและทำให้ร่างกายสามารถขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น

หลายคนมีความสงสัยเกี่ยวกับยาขับเสมหะ และยาละลายเสมหะว่าเป็นยาแบบเดียวกันหรือไม่ ซึ่งยาขับเสมหะจะเป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเสมหะ ทำให้ลดความเหนียวข้นลงและสามารถขับออกมาได้ง่ายขึ้น โดยตัวยาจะเป็นคนละประเภทกับยาที่ใช้ในการละลายเสมหะ ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ

ส่วนประกอบของยาละลายเสมหะ

ยาละลายเสมหะที่จำหน่ายอยู่ทั่วไปในท้องตลาดมีสารที่เป็นส่วนประกอบอยู่ด้วยกันหลายชนิด ซึ่งสารที่ใช้กันมากประกอบไปด้วย

1.Acetyl cysteine

เป็นสารที่ออกฤทธิ์ในการละลายเสมหะ โดยเข้าไปทำลายการเกาะตัวกันของโปรตีนในมูกจึงทำให้มูกที่ข้นเหนียวมีการอ่อนตัวลง ร่างกายจึงสามารถขับออกมาได้ง่ายขึ้น สามารถใช้ได้ผลดีกับเสมหะที่มีการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการลดการเกาะติดของเชื้อแบคทีเรียในเยื่อบุทางเดินหายใจได้อีกด้วย และตัวยานี้ใช้ได้ผลดีกับคนที่เป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง

2.Ambroxol Hydrochloride

เป็นตัวยาที่ออกฤทธิ์ในการทำลายโครงสร้างโปรตีนของมูกที่ยึดเกาะกันอยู่ ทำให้มูกคลายความเหนียวข้นลง มีความใสมากขึ้นทำให้ร่างกายสามารถกำจัดออกมาได้ง่าย ซึ่งตัวยานี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลมอักเสบ, ถุงลมโป่งพอง ที่ทำให้เสมหะมีความข้นเหนียวกว่าปกติ

ผลข้างเคียงจากการใช้ยาละลายเสมหะที่ควรรู้

ตัวยาละลายเสมหะที่มีส่วนประกอบของ Acetyl cysteine นั้นมีผลในการขยายหลอดเลือด ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังในคนใช้ยาบางชนิดที่อาจจะทำให้มีอาการเวียนศีรษะ หน้ามืดและเป็นลมได้ ส่วนยาที่มีส่วนประกอบของ Ambroxol อาจจะไม่ค่อยมีผลข้างเคียงที่รุนแรง แต่อาจมีผลสำหรับคนที่มีอาการแพ้ยา ดังนั้น จึงควรหมั่นสังเกตอาการไม่พึงประสงค์หลังรับประทานยา เพื่อที่จะได้รีบปรึกษาแพทย์และเภสัชกรได้อย่างทันท่วงที และในอนาคตหากต้องมีการรักษาด้วยยาที่ใช้ละลายเสมหะ ควรแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบทุกครั้งว่ามีอาการแพ้ยาหรือมีอาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาดังกล่าว

ควรใช้ยาละลายเสมหะตอนไหน และใช้อย่างไรจึงจะปลอดภัย

การใช้ยาละลายเสมหะควรใช้เมื่อจำเป็นเมื่อมีอาการเท่านั้น โดยมีแนวทางในการใช้ยาให้ปลอดภัยดังต่อไปนี้

1.อ่านฉลากยาให้ละเอียด โดยดูชื่อยา ส่วนประกอบของยา วิธีการใช้ ปริมาณที่ต้องใช้รับประทานในแต่ละครั้ง รวมทั้งตรวจสอบดูให้แน่ใจว่ายายังไม่หมดอายุ

2.หากมีอาการแพ้ หรือมีอาการไม่พึงประสงค์ ให้รีบปรึกษาแพทย์โดยทันที และเมื่อมีอาการที่ต้องกินยาเพื่อละลายเสมหะควรแจ้งยาที่แพ้ให้แก่เภสัชกรทราบ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องจ่ายยาตัวที่แพ้มาให้

3.รับประทานยาตามปริมาณที่กำหนดไว้บนฉลากยา โดยควรรับประทานยาที่จ่ายมาให้แก่ตัวผู้ป่วยเองโดยเฉพาะเนื่องจากแพทย์หรือเภสัชผู้สั่งยาจะคำนวณปริมาณยาตามน้ำหนักตัวของผู้ป่วยเพื่อให้ได้รับยาในปริมาณที่เหมาะสม และควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

4.ไม่ควรนำยาของผู้ใหญ่ให้เด็กรับประทาน ดังเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นเกี่ยวกับปริมาณของยาที่ต้องรับประทาน อีกทั้งยังต้องระวังในเรื่องอาการแพ้และผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนจะดีที่สุด

5.หากมียาอื่นๆ ที่ต้องรับประทานร่วมด้วย เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคประจำตัว ควรปรึกษาเภสัชกรว่าหากรับประทานร่วมกันกับยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำจะมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ใดๆ หรือไม่

6.ไม่ควรรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานาน หากรับประทานยาไปแล้ว 1 สัปดาห์ แต่อาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อปรับยาและวางแผนการรักษาเพิ่มเติม

7.หากรับประทานยาไปแล้ว มีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ผื่นขึ้น, คันตามตัว, เวียนศีรษะ, คลื่นไส้ ควรหยุดรับประทานยาแล้วไปพบแพทย์ทันที

8.เก็บยาเอาไว้ในที่ที่เหมาะสม แห้ง สะอาด ไม่โดนแสงแดดหรือความร้อนเพื่อป้องกันยาเสื่อมสภาพเร็วเกินไป อีกทั้งยังควรเก็บยาเอาไว้ในที่ที่มิดชิดให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ถึงตอนนี้คงได้รู้จักกับยาละลายเสมหะมากขึ้น ว่าตัวยามีการออกฤทธิ์อย่างไร มีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์อะไรบ้าง และต้องใช้งานอย่างไรจึงจะได้ผลดีและปลอดภัย เพื่อลดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ลงได้เป็นอย่างดี